









สำหรับคนรักรถยนต์ ข่าวสารรถยนต์ รถเก๋ง รถอีโค-คาร์ รถกระบะ รถตู้ รถมือสอง รถยนต์หรูหรา รถเก่า หรือแม้แต่ สาวๆพริตตี้
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รวบรวมแคมเปญที่น่าสนใจ เริ่มต้นกันที่เจ้าตลาด "โตโยต้า" เตรียมแคมเปญพิเศษมากมาย "วีออส" และ "ยาริส" ทุกรุ่น รับฟรีประกันภัยชั้น1 GOA หรือเลือกรับบัตรกำนัลโตโยต้า มูลค่า 12,000 บาท "อัลติส" เกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นซีเอ็นจี รับฟรีประกันภัยชั้น 1 GOA หรือบัตรกำนัลโตโยต้ามูลค่า 14,000 บาท "ไฮลักซ์ วีโก้" รับฟรีประกันภัยชั้น 1 GOA หรือบัตรกำนัลโตโยต้ามูลค่า 12,000 บาท ก่อนหน้านี้โตโยต้าได้เปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็ก "วีออส ไมเนอร์เชนจ์" พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูลให้กับกลุ่มลูกค้าที่ยังลังเลใจว่าจะซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็กยี่ห้อใดดี
สำหรับค่าย "นิสสัน" หลังจากเปิดตัวอีโคคาร์ "นิสสัน มาร์ช" คันแรกของโลกและเมืองไทยซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดจองมากกว่า 2,000 คันแล้ว ได้นำเสนอแพ็กเกจทางการเงินด้วยเงื่อนไข ซื้อวันนี้ ดาวน์ต่ำ ผ่อนนาน ไม่ต้องค้ำประกัน ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% หรือดาวน์ 25% ผ่อนเพียงเดือนละ 4,424 บาท เกียร์ธรรมดาส่งมอบได้ทันที เกียร์อัตโนมัติรอรับรถเดือนมิถุนายน
ขณะที่ "นาวาร่า" คิดดอกเบี้ยพิเศษเพียง 1.99% ดาวน์ 20% ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน หรือผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,999 บาท ดาวน์ 38% ดอกเบี้ย 2.89% ผ่อนชำระ 72 เดือน หรือดาวน์ต่ำเพียง 59,999 บาท ดอกเบี้ย 4.29% ผ่อนชำระ 60 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี "ทีด้า" ดอกเบี้ยพิเศษ 2.79% ดาวน์ 20% ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน หรือผ่อนเพียงเดือนละ 8,999 บาท ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีMercedes-Benz SLS AMG มีต้นแบบการดีไซน์มาจากรุ่น 300 SL Gullwingในยุค1950 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ประตูเปิดแบบปีกนกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ SLS AMG นั้นมีเสน่ห์เหนือคู่แข่งอื่นๆ ในด้านของแนวคิดของโครงสร้างรถนั้น SLS AMG เป็นรถที่ผลิตร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ AMG โดยตัวถังและแชสซีส์ทำจากอะลูมิเนียมทำให้สามารถลดน้ำหนักรถได้อย่างมาก โดย SLS AMG มีน้ำหนักเพียง 1,620 กก. เท่านั้น
ส่วนขุมพลังของ SLS AMG ก็คือเครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 6.3 ลิตรซึ่งสามารถผลิตกำลังได้ 571แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 650 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ด้วยแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาลของเครื่องยนต์วี 8 ของ SLS AMG นั้น จึงสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที่ ความเร็วสูงสุดที่ 317 กม./ชม.
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำสุดยอดยนตรกรรมแห่งความหรูหราอย่าง the new generation S-Class มาแสดงในงานถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ S 300 L, S 350 CDI L BlueEFFICIENCY และ S 500 L ซึ่งเป็นรถธง ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นภูมิฐาน พร้อมเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เป็นเลิศ ทำให้ S-Class เป็นต้นแบบแห่งสุดยอดยนตรกรรมหรูระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด นอกจากนี้ที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือเทคโนโลยี SPLITVIEW ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ติดตั้งในรถหรูระดับ S-Class โดยผู้ขับขี่สามารถอ่านแผนที่ Navigator จากหน้าจอภาพพร้อมกันกับผู้โดยสารตอนหน้าที่สามารถ
The new E-Class เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาแสดงในงาน ประกอบด้วย E 300 AVANTGARDE, E 200 CGI BlueEFFICIENCY ELEGANCE, E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE และ E 250 CGI BlueEFFICIENCY Coupé ELEGANCE โดย the new E-Class ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกัน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับ driver assistance systems ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ที่เดินทางบนท้องถนน
“ในปี 2552 ที่ผ่านมา E-Class ถือเป็นหัวใจหลักของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 63% ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า E-Class เป็นรถยนต์หรูที่สามารถครองใจลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ และด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศในทุกๆด้านของ the new E-Class เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน”
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
เนื่องจากปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มนุษย์ต่างหันมาใส่ใจในการรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และประหยัดการใช้พลังงานเพื่อให้โลกของเราน่าอยู่ มีสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติและพลังงานที่อุดมสมบูรณ์ รถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวันของหลายๆคน แต่ในขณะเดียวกัน รถยนต์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะและการสิ้นเปลืองพลังงาน รถยนต์ขนาดเล็กหรืออีโคคาร์ และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยประหยัดพลังงานและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ต่างพัฒนาเครื่องยนต์ที่ให้สมรรถนะที่ดีและลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน ดังนั้น มนุษย์เราควรเรียนรู้ที่จะรักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพลังงานธรรมชาติ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนและเป็นแรงขับเคลื่อนของรถยนต์สืบต่อไป
Automobile is one most important parts of our living nowadays. The increasing of environment pollutions makes people around the world concerned more on environmental preservation and energy saving for better living. It is well known that CO2 Emissions are the main reason for Global Warming. Modern Diesel Technology, Hybrid Technologies and Eco Car Projects are alternatives to save energy and reduce environmental pollution. Nowadays many car manufactures are developing new engines technologies that provide higher performance at lower fuel consumption and lower CO2 Emissions. Hence, people should be aware of environment preservation and alternative energy for the brighter future of automobile industry.
กำหนดการพิธีเปิดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31
วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2553
ณ. ห้อง แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค
9.00 – 9.30 น. ลงทะเบียน สื่อมวลชน บริเวณห้องประชาสัมพันธ์ 104
แขกผู้มีเกียรติ บริเวณด้านหน้าห้องอาหาร ฟาเรนท์ไฮน์
9.35 น. ประธานในพิธี ประธานบริษัทฯ และแขกผู้มีเกียรติ เข้าสู่บริเวณพิธีเปิดงาน The 31st Bangkok International Motor Show
9.45 น. พิธีเปิดงาน The 31st Bangkok International Motor Show
พิธีกร เรียนเชิญ ท่านประธานและผู้บริหารบริษัทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขึ้นสู่เวทีเพื่อเริ่มพิธีเปิด ตามรายชื่อที่แนบ
9.59 น. พิธีเปิด งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 อย่างเป็นทางการ
10.10 น. สิ้นสุดพิธีเปิด
10.30 น. เริ่มการแสดงของบริษัท รถยนต์ ตามลำดับ
พร้อมชู อีกสไตล์ของ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ พรีเซ็นเตอร์ ออกมาได้อย่างโดดเด่น ตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตที่มีสไตล์เหมาะเฉพาะตัว ตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ “เจ็นนาว” หรือ Generation NOW ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตมาในช่วงของโลกดิจิตอล จึงมีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวเช่นกัน
การเปิดตัวมาสด้า2 ใหม่ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ “New Mazda2 Life Continues เพราะชีวิตท้าทาย…ไม่ได้มีแค่สไตล์เดียว” ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้าแบบ “ซูม-ซูม” โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเร้าใจ เพิ่มความหรูอีกระดับด้วยห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยจากยุโรประดับสูงสุด 5 ดาว มาสด้า2 ซีดานใหม่ เป็นรถยนต์ที่มีความสปอร์ตหรู เปี่ยมด้วยคุณภาพและพลังที่ขับสนุก ให้ลูกค้าคนไทยมีเฮเปิดราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาท
จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า จาก ความสำเร็จอย่างถ้วมท้นในการเปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ทแบค 5 ประตู เมื่อเดือนกลางพฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มาสด้ามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างความประหลาดใจให้กับคู่แข่งของมาสด้าที่กำลังจับตามองเราอยู่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะยังคงทำงานกับผู้จำหน่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้โครงการและการดำเนินการต่างๆ ของเราสมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะรับประกันถึงความสำเร็จของเราในปีนี้ นอกเหนือจากความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว อีกสิ่งที่มาสด้าเน้นความสำคัญมาโดยตลอดนั่นคือการขยายเครือข่ายโชว์รูมและ ศูนย์บริการมาตรฐานเพื่อให้ครบ 130 แห่งในปีนี้ ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ MCI เพื่อรองรับการบริการที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทั้งด้านการขาย การเงิน อะไหล่ และบริการ รวมทั้งการยกระดับแบรนด์มาสด้าให้ขึ้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย
จอห์น เรย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ ตลาดรถยนต์มาสด้าในปี 2553 นี้ มาสด้าตั้งเป้ายอดขายปีนี้สูงถึง 35,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 164 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ และรุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู จะยังคงเป็นโปรดักซ์ลีดเดอร์สำหรับการทำตลาดในปีนี้ โดยมาสด้า2 ทั้ง 2 รุ่นตั้งเป้าหมายยอดขายไว้อยู่ที่ประมาณ 24,000 คัน และที่สำคัญรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 จะยังคงรักษาความร้อนแรงต่อไป ประมาณ 5,00 คัน ส่วนรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 คัน และรถพรีเมี่ยมคาร์คือ New Mazda CX-9 และ New Mazda MX-5 อีกประมาณ 78 คัน
สำรับรถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ 4 ประตู ที่มาสด้าเสริมเขี้ยวเล็บในการลุยกับคู่แข่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มาพร้อมภาพลักษณ์ใหม่ที่ให้ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และเป็นรถสไตล์ครอบครัวที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย รูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะกดทุกสายตาทั้งขณะขับขี่และจอดนิ่งอยู่กับที่ มาพร้อมช่วงล่างอันเลื่องชื่อของมาสด้า ระบบความปลอดภัยสูงสุดจากยูโรเอ็นแคป (Euro NCAP) ในระดับ 5 ดาว พร้อมปกป้องทุกชีวิต เครื่องยนต์ตระกูล MZR 1500 ซีซี ที่ให้พลังแรงเต็มสมรรถนะทุกรอบความเร็ว พร้อมแรงม้าสูงสุดถึง 103 แรงม้า ซึ่งผ่านบทพิสูจน์แล้วจากรุ่นแฮ็ชแบ็ค 5 ประตู
สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำ หรับมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ 4 ประตู จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสเป็นครั้งแรกทุกโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ในวันเปิดสู่สาธารณะชนอย่างเป็นทางการในวันนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวย่างที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะนำพามาส ด้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งมาสด้า2 ซีดานใหม่จะสามารถครองใจผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นรถที่มีรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยวโดนใจ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดดเด่นทุกมุมมอง มาพร้อมสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ให้พลังแรงเต็มประสิทธิภาพ พร้อมระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อที่ให้การเกาะถนนเป็นเยี่ยม ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ และที่สำคัญลูกค้าที่จองซื้อไม่ต้องรอรถนาน เนื่องจากมาสด้าเริ่มสายการผลิตและมีรถพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในทันทีในทุก รุ่น
นางสาวสุรีทิพย์ กล่าวว่า ในการพัฒนาด้านการออกแบบรถมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ เรา ยังคงใช้แนวการออกแบบเช่นเดียวกับมาสด้า2 ใหม่ รุ่น 5 ประตู ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากรูปลักษณ์แบบสปอร์ตที่โดดเด่นของมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู เราได้ผสมผสานความหรูหรา สง่างามและความแข็งแกร่งในการออกแบบด้านท้ายรถของมาสด้า2 ซีดานใหม่ พร้อมให้สมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่นตามแบบฉบับ ซูม-ซูม และความสะดวกสบาย รวมถึงความนุ่มนวลในการขับขี่ เฉกเช่นมาสด้า2 ใหม่ รุ่น 5 ประตู
มาส ด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ได้รับการออกแบบเพื่อเป็นรถยนต์ที่ให้ความเพลิดเพลินในทุกๆ วันของชีวิต ไม่เพียงในด้านความสนุกสนานในการขับขี่ แต่รวมไปถึงความภูมิใจที่ได้ครอบครองรถยนต์ยอดเยี่ยมคันนี้ภายใต้ขนาดที่ กะทัดรัด มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ได้ผสานแนวคิด ซูม-ซูม เข้าไปในการผลิตอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้รถคันนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ไม่ใช่เพียงรถยนต์ธรรมดาๆ คันหนึ่ง และ ณ วันนี้ มาสด้า2 สปอร์ตซีดาน ใหม่ และรุ่นแฮ๊ชแบค 5 ประตูจะเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสไตล์ที่โดดเด่น
ภายในมาสด้า2 ซีดานใหม่ ออกแบบให้เบาะนั่งด้านหลังกว้างขาวงสะดวกสบายเหนือกว่ารถซีดานทั่วๆ ไป และสามารถเลือกปรับพับเบาะได้ 60:40 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บสิ่งของขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับในรุ่น 5 ประตู โดยภายในเลือกใช้โทนสีเบจที่ให้ความรู้สึกหรูหราโปร่งโล่งสบายไม่อึดอัด นอกจากนี้มาสด้า2 ซีดานใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry and Start System) ที่ให้ความสะดวกสบายในการเปิด-ปิด และสตาร์ทรถโดยไม่ใช้กุญแจ ซึ่งเป็นการใส่ใจในรายละเอียดที่มาสด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเพื่อเพิ่มความสุนทรีตลอดการเดินทางด้วยวิทยุ CD-MP3 6 แผ่น พร้อมช่องเชื่อมอุปกรณ์เสริม AUX
สำหรับมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีการลดน้ำหนักส่วนเกิน หรือ Lightweight Technology การผลิตรถยนต์ให้มีน้ำหนักเบาที่สุด นับเป็นจุดมุ่งหมายหลักประการหนึ่งเพราะน้ำหนักของรถมีผลต่อสมรรถนะการขับ ขี่ การบังคับควบคุม และการหยุดรถ ยิ่งน้ำหนักตัวรถน้อยลง สมรรถนะของรถจะยิ่งเพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้าน นอกจากนั้น น้ำหนักยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ ดังนั้น รถมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ จึงได้นำเทคโนโลยีล่าสุดในการลดน้ำหนักส่วนเกินที่ไม่จำเป็น ซึ่งได้มาจากการทุ่มเทพัฒนาที่ก้าวล้ำหน้าของมาสด้า
เครื่องยนต์ MZR ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOCH) 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,500 ซีซี 103 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ S-VT (Sequential Valve Timing) และระบบวาล์วควบคุมการไหลเวียนของไอดี TSCV (Tumble Swirl Control Value) ตอบสนองการขับขี่ทุกจังหวะความเร็วและแม่นยำ พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า EPAS (Electric Power Assistance Steering) แม่นยำคุมได้ได้ตามสั่ง รัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.9 เมตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทน 91 ขึ้นไป หรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ช่วงล่างถูกออกแบบให้ยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจและนุ่มนวล ซึ่งคุณภาพช่วงล่างของมาสด้าเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วโลก ระบบความปลอดภัยรอบคันด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ TRIPLE H ที่ให้ความแข็งแกร่งทนทานสูง โครงรถผลิตจากเหล็กกล้าชนิดพิเศษ “อัลตร้า ไฮ เทนไซล์ สตีล” (Ultra High Tensile Steel) ที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง เหนียวทนทานกว่าเหล็กทั่วไป คุณสมบัติรับและส่งถ่ายแรงกระแทกให้กระจายไปทั่วคัน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารภายใน เสริมด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า พร้อมระบบเบรก ABS ทั้ง 4 ล้อ และ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก ทำให้ระยะเบรกสั้นลง
นางสาวสุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำ หรับมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้คือ จะแตกต่างจากมาสด้า2 ใหม่ แฮ็ชแบค 5 ประตู คือจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หรือโตขึ้นกว่าเดิม แต่ยังเป็นคนหนุ่ม-สาวที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และไม่ชอบตามใคร เป็นกลุ่มผู้เริ่มต้นทำงาน และผู้ที่มีชีวิตหน้าที่การงานที่มั่นคง เป็นผู้บริหารไฟแรง หรือผู้เริ่มต้นทำธุรกิจ มีกิจการส่วนตัว ส่วนการสื่อสารภาพลักษณ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็วชัดเจน ซึ่งเรายังคงใช้ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ ซึ่งเป็นศิลปิน นักแสดงหนุ่มที่กำลังฮ็อตฮิตที่สุดในยุคนี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งเป้จะมาในลุคอีกสไตล์ที่จะสะท้อนตัวตนของมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ได้อย่างชัดเจน และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยถ่ายทอดผ่านทางภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30 วินาที นอกจากนี้ มาสด้ายังโหมโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ บิลบอร์ด และสื่อออนไลน์ โดยเน้นสร้างกระแสจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก และตามหัวเมืองหลักๆ ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะมาสด้าได้ทำงานร่วมกับผู้จำหน่ายในพื้นที่เพื่อสื่อสารกับลูกค้า และเตรียมลงพื้นที่จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อเปิดตัวรถอย่างเต็มที่ทั่วประเทศ
กลยุทธ์ ด้านราคา เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางมาสด้าพิจารณาในการนำมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ เพื่อลงสู้ศึกในตลาดที่มีความแข็งแกร่งและท้าทาย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 535,000 บาทเท่านั้น ในขณะที่รุ่นท๊อปซึ่งภายนอกและช่วงล่างมีชุดสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ราคาต่ำกว่า 7 แสนบาท เมื่อเทียบคุณสมบัติและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ มีมาแบบครบครับ นับว่าเป็นรุ่นหนึ่งในตลาดที่คุ้มค่ามาก มีด้วยกัน 4 รุ่นคือ
รุ่น Groove M/T เกียร์ธรรมดา ราคาจำหน่าย 535,000 บาท
รุ่น Groove A/T เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 564,000 บาท
รุ่น Spirit S A/T เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 615,000 บาท
รุ่น Maxx A/T เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 675,000 บาท
ที่ สำคัญสำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานมาสด้า2 ใหม่ รวมทั้งรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกสี ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าที่มีอยู่ถึง 107 โชว์รูมทั่วประเทศ โดยทางมาสด้า ประเทศไทย พร้อมจัดส่งมอบให้กับลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเนื่องจากได้มีการเตรียม ความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการจองซื้อ และรับรถได้ทันที
เอสเอไอซี-จีเอ็ม พาวิลเลียน มุ่งหน้าสู่ปี 2573 แนวคิดแห่งโลกอนาคต ที่งานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ๊กซ์โป 2553
เอสเอไอซี-จีเอ็ม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมแห่งอนาคต เผยแนวคิดโลกยานยนต์ “มุ่งหน้าสู่ปี 2573” ครั้งแรก ที่เซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ๊กซ์โป 2553 ซึ่งเอสเอไอซี-จี เอ็ม เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวของโลกที่ได้รับเลือกให้จัดแสดงบนพื้นที่ของตน เองกว่า 6,000 ตารางเมตร พร้อมให้ยลโฉมแล้วในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
สำหรับงานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป 2553 ในปีนี้จะเป็นอีกครั้งหนึ่งของการแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยียานยนต์ของความ ร่วมมือกันระหว่างเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น (เอสเอไอซี) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ที่ได้ผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการยนตกรรม โดยการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการคมนาคมที่วางรากฐานไว้สำหรับอนาคตในปี พ.ศ. 2573 โดยภายในงานจะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเมืองแห่งอนาคต พร้อมด้วยระบบการคมนาคมส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน ซึ่งปราศจากการใช้น้ำมันปิโตรเลียม ปราศจากการปล่อยไอเสีย ปราศจากการเกิดอุบัติเหตุ ปราศจากปัญหาด้านการจราจร แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและสีสันแห่งความแปลกใหม่
ทั้งนี้ เอสเอไอซี และจีเอ็ม สองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้ทำงานร่วมกันอย่างหนักเพื่อ เปลี่ยนวิสัยทัศน์นี้ให้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ อาทิเช่น พลังงานไฟฟ้า ระบบการติดต่อสื่อสาร และระบบการขับขี่อย่างอิสระ ยิ่งไปกว่านั้นรถยนต์แห่งโลกอนาคตจะอาศัยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลักในการขับ เคลื่อน ซึ่งจะผลิตขึ้นมาจากแหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมดสิ้นและปราศจากการปล่อยไอ เสีย อาทิเช่น พลังงานไฮโดรเจน พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์
นอกจากนี้รถยนต์แต่ละคันจะสามารถติดต่อระหว่างกันได้หากวิ่งอยู่บนถนนสาย เดียวกัน โดยลักษณะการขับขี่นี้จะส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ ความสนุกสนาน และความเป็นอิสระตลอดการเดินทาง
ทั้งนี้ เอสเอไอซี-จีเอ็ม ต่างมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่า เดิมของชีวิตคนในเมือง ด้วยเทคโนโลยีการคมนาคมส่วนบุคคล ที่พร้อมจะเผยโฉมผลงานชิ้นเอก ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ที่ งานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป 2553 โดยจีเอ็มเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวของโลกที่ได้รับเลือกให้จัดแสดงบนพื้นที่ของตนเองกว่า 6,000 ตารางเมตร ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างแท้จริงของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
เกี่ยวกับ เจนเนอรัล มอเตอร์ส
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอมพานี หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2451 ปัจจุบันมีการผลิตรถยนต์และรถปิกอัพใน 34 ประเทศ สำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองดีทรอยท์ โดยมีพนักงาน 204,000 คนในทุกภูมิภาคสำคัญทั่วโลก มีการจำหน่าย และการบริการใน 140 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ชื่อดัง ทั้ง บูอิค คาดิลแลค เชฟโรเลต จีเอ็มซี จีเอ็มแดวู โฮลเดน โอเปิล วอกซ์ฮอลล์ และวูลิง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าเยี่ยมชมที่ www.gm.com