Tuesday, March 23, 2010

ิเบนซ์เปิดตัว SLS AMG ใหม่ล่าสุด


เบนซ์ทุ่มเปิดตัวรถใหม่ในมอเตอร์โชว์ ชูไฮไลต์อวดโฉมสปอร์ต SLS AMG สปอร์ตคูเป้ประตู
ปีกนกยั่วน้ำลายเศรษฐี เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม CGI BlueEFFICIENCY ในรถใหม่ 6 รุ่น
ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ เปิดเผยว่า บริษัทได้นำขบวนยนตรกรรมระดับหรูทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการ พาณิชย์รวมทั้งสิ้น 16 คัน จัดแสดงในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ภายใต้แนวคิดนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะในการขับขี่ และความปลอดภัย อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไว้อย่างครบถ้วนโดยไฮไลต์ของงานนี้คือ การเปิดตัวของ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ SLS AMG – Gullwing Super Sports Car เป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 6 รุ่นในทุกเซ็กเมนต์
“ไฮไลต์พิเศษของบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ ในปีนี้คือการเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมระดับซูเปอร์สปอร์ตคาร์ Mercedes-Benz SLS AMG ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนารถยนต์ขั้นสูงสุดของเมอร์เซเดส -เบนซ์ อันประกอบไปด้วย ดีไซน์ที่ล้ำสมัยแบบหมดจด โดยทำให้โครงสร้างรถมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งพร้อมมีแฮนด์ลิ่งแบบไดนามิกที่ เหนือชั้น จึงนับได้ว่า SLS AMG เป็นที่สุดของรถระดับซูเปอร์สปอร์ตคาร์แห่งยุคนี้”

Mercedes-Benz SLS AMG มีต้นแบบการดีไซน์มาจากรุ่น 300 SL Gullwingในยุค1950 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ประตูเปิดแบบปีกนกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ SLS AMG นั้นมีเสน่ห์เหนือคู่แข่งอื่นๆ ในด้านของแนวคิดของโครงสร้างรถนั้น SLS AMG เป็นรถที่ผลิตร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ AMG โดยตัวถังและแชสซีส์ทำจากอะลูมิเนียมทำให้สามารถลดน้ำหนักรถได้อย่างมาก โดย SLS AMG มีน้ำหนักเพียง 1,620 กก. เท่านั้น
ส่วนขุมพลังของ SLS AMG ก็คือเครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 6.3 ลิตรซึ่งสามารถผลิตกำลังได้ 571แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 650 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ด้วยแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาลของเครื่องยนต์วี 8 ของ SLS AMG นั้น จึงสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที่ ความเร็วสูงสุดที่ 317 กม./ชม.
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำสุดยอดยนตรกรรมแห่งความหรูหราอย่าง the new generation S-Class มาแสดงในงานถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ S 300 L, S 350 CDI L BlueEFFICIENCY และ S 500 L ซึ่งเป็นรถธง ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นภูมิฐาน พร้อมเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เป็นเลิศ ทำให้ S-Class เป็นต้นแบบแห่งสุดยอดยนตรกรรมหรูระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด นอกจากนี้ที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือเทคโนโลยี SPLITVIEW ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ติดตั้งในรถหรูระดับ S-Class โดยผู้ขับขี่สามารถอ่านแผนที่ Navigator จากหน้าจอภาพพร้อมกันกับผู้โดยสารตอนหน้าที่สามารถ

The new E-Class เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาแสดงในงาน ประกอบด้วย E 300 AVANTGARDE, E 200 CGI BlueEFFICIENCY ELEGANCE, E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE และ E 250 CGI BlueEFFICIENCY Coupé ELEGANCE โดย the new E-Class ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกัน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับ driver assistance systems ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ที่เดินทางบนท้องถนน
“ในปี 2552 ที่ผ่านมา E-Class ถือเป็นหัวใจหลักของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 63% ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า E-Class เป็นรถยนต์หรูที่สามารถครองใจลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ และด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศในทุกๆด้านของ the new E-Class เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน”

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


รับชมภาพยนตร์จาก DVD ได้ในจอเดียวกัน