Thursday, April 15, 2010

ตลาดรถไทยร้อนยอดโต54%-ฟอร์ดลงทุน2หมื่นล้าน



ตลาดรถไทยร้อนแรงฉุดไม่อยู่ ตัวเลขยอดขายปรับเพิ่มทุกเดือน ปิดไตรมาสแรกทะลุ 1.66 แสนคัน เติบโตถึง 54% จนเริ่มมองไกลประเมินภาพรวมตลาดถึง 6.5 แสนคัน จากเดิมคาด 6.1 แสนคัน หากปัญหาการเมืองจบเร็ว ส่งผลไม่เพียงตลาดสดใส ไทยยังได้รับมั่นใจให้เป็นฐานการผลิตระดับโลก ปลายเดือนเม.ย.นี้ “ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี” เตรียมประกาศตั้งโรงงานแห่งใหม่ในไทย มูลค่าลงทุนร่วม 2 หมื่นล้านบาท โดยไม่มีมาสด้าเข้ามาเอี่ยวเหมือนที่ผ่านมา เพื่อผลิตเก๋ง “ฟอร์ด โฟกัส” โดยเฉพาะ        รายงานข่าวจากกลุ่มผู้ประกอบการ รถยนต์ญี่ปุ่น หรือเจซีซี(JCC) และสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลตลาดรถยนต์ในไทยช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปี 2553 นี้ มียอดขายจำนวนกว่า 1.66 แสนคัน เทียบกับปีที่ผ่านมาช่วงเดียวกันขยายตัวประมาณ 54%
      
       ทั้งนี้หากพิจารณาแต่ละเดือนจะพบว่า โดยในเดือนมกราคมมีจำนวนกว่า 4.94 หมื่นคัน เดือนกุมภาพันธ์ทำได้ 5.41 หมื่นคัน และเดือนมีนาคมยอดขายขยายตัวเป็นกว่า 6.3 หมื่นคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับตัวเพิ่มต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหาทางการเมืองวุ่นวายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์มาจนถึงปัจจุบันก็ตาม
      
       นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า การเมืองมีผลกระทบน้อยกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากไม่เกิดความรุนแรงจนส่งผลกระทบมากๆ และจากภาพรวมเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนมีนาคม ถือว่ามีอัตราการเติบโตไปได้ด้วยดี จึงทำให้ผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นและจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง
      
       “เมื่อดูปัจจัยบวกต่างๆ แล้ว และหากปัญหาการเมืองคลี่คลายโดยเร็ว คาดว่าถึงสิ้นปีตลาดจะเติบโตได้เหนือกว่าเป้าหมายที่เคยประเมินไว้ 6.1 แสนคัน และอาจจะถึง 6.5 แสนคัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะมีปัญหาในเรื่องของกำลังการผลิตรถยนต์ที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน จะสามารถตอบสนองการเติบโตดังกล่าวได้หรือไม่ นับเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”
      
       สำหรับยอดขายรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรก นับว่ามีการขยายตัวในทุกประเภท โดยเฉพาะปิกอัพ 1 ตัน ที่ตกลงเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา แต่มาปีนี้ตลาดกลับฟื้นมาอีกครั้ง ด้วยการทำตัวเลขที่กว่า 7.74 หมื่นคัน เพิ่มมากถึง 56% เช่นเดียวกับกลุ่มรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีและพีพีวี ทำได้ทั้งหมดกว่า 1.18 หมื่นคัน เติบโต 67% หรือหากเฉพาะตลาดรถพีพีวีทำได้ถึง 9.2 พันคัน ปรับเพิ่มจากปีที่แล้ว 69%
      
       ในส่วนของรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง นับว่าเป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเก๋งแบบซับคอมแพ็กต์ยังคงเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 3.4 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 43.5% ซึ่งโตโยต้า วีออส ทำยอดขายได้มากสุด 1.2 หมื่นคัน ทางด้านมาสด้า2 ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สามารถรักษาความร้อนแรงไว้ได้ จนปิดไตรมาสแรกของปีนี้ทำยอดขายแซงหน้า ฮอนด้า แจ๊ซ คว้าตำแหน่งผู้นำตลาดรถซับคอมแพ็กต์ 5 ประตู หรือแฮ็ทช์แบ็ก ด้วยจำนวนยอดขายกว่า 3.49 พันคัน
      
       ทั้งนี้คาดว่าตลาดเก๋งจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อล่าสุดนิสสันได้แนะนำ “มาร์ช” รถยนต์ภายใต้โครงการอีโคคาร์สู่ตลาดเป็นรายแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 3.75- 5.37 แสนบาท ทำให้ภายหลังจากแนะนำสู่ตลาดเพียงไม่กี่สัปดาห์ สามารถทำยอดจองจากผู้บริโภคชาวไทยไปแล้วกว่า 8 พันคัน
      
       จากความร้อนแรงของตลาดรถยนต์ไทย และความพร้อมต่างๆ ในการรองรับ จนปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทรถยนต์จากทั่วโลก ล่าสุดมีรายงานข่าวจากฟอร์ด มอเตอร์ส คัมปะนี ตัดสินใจจะลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ในไทย มูลค่าการลงทุนร่วม 2 หมื่นล้านบาท โดยจะประกาศการลงทุนอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
      
       สำ หรับฟอร์ดที่ตัดสินใจลงทุนในไทย นอกจากปัจจุบันเป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาคอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นการลงทุนร่วมกับมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ในการตั้งโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ หรือเอเอที(AAT) 2 แห่ง โรงงานแรกผลิตปิกอัพฟอร์ด เรนเจอร์ และมาสด้า บีที-50 ส่วนอีกแห่งที่เพิ่งเปิดโรงงานเพื่อผลิตรถยนต์นั่งมาสด้า2 และฟอร์ด เฟียสต้า
      
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ซื้อหุ้นใหญ่คืนจากฟอร์ด ทำให้การดำเนินธุรกิจเริ่มแยกจากกันชัดเจน ดังนั้นเมื่อฟอร์ดมีโครงการผลิตรถยนต์ระดับโลก โมเดลเดียวผลิตทำตลาดทั่วโลก ด้วยการกระจายฐานผลิตประจำอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ประกอบกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ(BOI) ได้เปิดประเภทกิจการประกอบรถยนต์ประเภทใหม่ขึ้น เพื่อจูงใจให้บริษัทรถย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่นมายังไทย
ฟอร์ด โฟกัส ใหม่
       โดยบีโอไอได้กำหนดเงื่อนไขการลงทุน อาทิ ต้องลงทุนสร้างสายการผลิตรถประเภทใหม่ ที่ไม่เคยผลิตในไทยมาก่อน ปริมาณการผลิต 1 แสนคันต่อปี ภายใน 5 ปีแรกของการผลิต และมีมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท(ไม่รวมที่ดินและเงินหมุนเวียน) เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ คล้ายๆ กับโครงการอีโคคาร์ ยกเว้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์
      
       จาก ความสอดคล้องดังกล่าว จึงทำให้ฟอร์ดตัดสินใจลงทุนในไทย จึงได้มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอเมื่อปีที่แล้ว เพื่อผลิตรถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส โฉมใหม่ ที่เป็นโมเดลระดับโลก รองรับการทำตลาดในไทยและส่งออกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศจีน และอินเดีย ที่ฟอร์ดได้ประกาศลงทุนไปแล้ว แต่รองรับเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น
      
       โดยการประกาศลงทุนในไทยครั้ง ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ลงทุนเองทั้งหมด ไม่ได้ร่วมทุนกับมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเดิมเตรียมจะประกาศการลงทุนเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่เกิดปัญหาเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของกลุ่มเหมราช ที่ฟอร์ดจะใช้สร้างโรงงานแห่งใหม่ ติดปัญหากฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับกรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตะพุด จึงได้เลื่อนการประกาศลงทุนไปก่อน
      
       จนกระทั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่แล้ว เรื่องพื้นที่สร้างโรงงานใหม่ของฟอร์ดสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว จึงเตรียมประกาศลงทุนเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมี อลัน มูลัลลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี จะบินมาแถลงข่าวลงทุน แต่ติดปัญหาเรื่องการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงได้เลื่อนมาประกาศปลายเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

มาสด้าสุดปลื้ม ไตรมาสแรกยอดขายพุ่งกระฉูดเกือบ 7,000 คัน


มาสด้าสุดปลื้ม ไตรมาสแรกยอดขายพุ่งกระฉูดเกือบ 7,000 คัน โตพรวดเดียว 224% สูงสุดในประวัติศาสตร์มาสด้าในไทย โดยเฉพาะมาสด้า2 ดันยอดมอเตอร์โชว์โกยทะลุเป้า 3,234 คัน
นายจอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า  เปิดเผยว่า สำหรับยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำไตรมาสแรกของปี 2553 ที่เติบโตพุ่งสูงสุดถึง 224% ด้วยยอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 6,797 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ที่มียอดขายสูงที่สุดถึง 3,492 คัน และรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ซีดานใหม่ 4 ประตู ที่เพิ่งเปิดตัวไปหยกๆ เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้ส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 630 คัน ส่วนรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ที่ยังคงรักษาความร้อนแรงมาตลอดมียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,498 คัน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนยอดขายของรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,190 คัน ส่วนยอดขายของสปอร์ตโรดสเตอร์  มาสด้า  เอ็มเอ็กซ์  5   มียอดการขายสูงถึง 13 คัน และรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง  ซีเอ็กซ์ 9  มีจำนวนทั้งสิ้นถึง 19 คัน
           ทั้งนี้ตลอดในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มาสด้าได้โหมจัดกิจกรรมด้านการส่งเสริมการตลาดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการออกแคมเปญเด็ดฉลองเทศกาลตรุษจีน พร้อมด้วยแคมเปญต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ พร้อมกับการปล่อยหมัดเด็ดระรอกที่สองด้วยการส่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ออกสู่ตลาด และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ มาสด้ายังคาดหวังว่า ยอดการจำหน่ายในเดือนเมษายนจะสามารถทะลุเป้า และสร้างประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการเดินหน้าต่อขยายเวลาของแคมเปญมาสด้า ไพร์มไทม์ โอกาสสุดท้ายกับข้อเสนอมอเตอร์โชว์จากมาสด้าออกไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้
           “สำหรับยอดจองรถในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับมาสด้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มียอดจองรวมทั้งสิ้นสูงถึง 3,234 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ใหม่ ทั้งแฮตช์แบ็ก 5 ประตู และสปอร์ตซีดานใหม่ 4 ประตู ที่กวาดยอดจองไปสูงสุดถึง 2,452 คัน ส่วนรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ที่คว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยม Thailand Car of The Year ถึง 6 ปีติดต่อกัน ที่ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องมียอดจองสูงสุด 661 คัน ในส่วนของรถสปอร์ตปิกอัพมาสด้า  บีที 50   มียอดจองรวมทั้งสิ้น 107 คัน มาสด้า เอ็มเอ็กซ์ 5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก มียอดจองสูงถึง 6 คัน และรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ มาสด้า ซีเอ็กซ์ 9 มีจำนวนทั้งสิ้น 8 คัน โดยมาสด้าเตรียมส่งมอบรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกสี ให้กับลูกค้าโดยเร็วที่สุด”
          นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า มาสด้าได้ขยายเวลาของโปรโมชัน มาสด้า ไพร์มไทม์ ไปจนถึง 30 เมษายนนี้  โดยลูกค้าที่ซื้อ มาสด้า2 ใหม่ รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี  ซื้อมาสด้า3 รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2.19% ฟรีค่าบำรุงรักษานานถึง 3 ปี หรือ 60,000 กม.  พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี  ผู้ซื้อมาสด้า บีที-50 ใหม่ รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.79% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี  มาสด้า เอ็มเอ็กซ์ 5  รับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 140,000 กม.   ฟรีค่าบำรุงรักษานานสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000   กม. พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี   ส่วนมาสด้า ซีเอ็กซ์ 9 รับฟรีค่าบำรุงรักษานานสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000   กม. พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี


จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

Thursday, April 8, 2010

Volvo S80 2.5FT เติม E85


วอลโว่เปิดตัว Volvo S80 2.5 FT Business เครื่องแบนซิน เติม E85 ได้ หวังเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยให้ทางเลือกด้านเชื้อเพลิงที่เหมาะกับความต้องการขององค์กร และยังคงความโดดเด่นด้านความปลอดภัย ราคา 2.499 ล้านบาท
นางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Volvo S80 เป็นรถยนต์ที่โดดเด่น มีบุคลิกที่มั่นใจ และมีเครื่องยนต์แบบ Flexifuel E85 ที่ให้อิสระในการเลือกใช้เชื้อเพลิงได้หลากหลาย และมีความปลอดภัยสูงด้วยอุปกรณ์และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยครบครัน  สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กร  และเป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้ Volvo S80 ได้รับการจัดอันดับจากสำนักข่าวระดับโลกคือ ABC ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็นอันดับหนึ่งของรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูงสุด ในประเภทรถยนต์สำหรับลูกค้าที่ให้ความสำคัญมากและยินดีจะจ่ายเพื่อความ ปลอดภัย

นอกจากนี้ เราได้ปรับแพ็คเกจของตัวรถใหม่ให้เหมาะกับความต้องการ เราเชื่อว่าคุณสมบัติของ Volvo S80 2.5 FT Business ที่ให้องค์กรกำหนดอนาคตของตนเองได้ รวมทั้งราคาใหม่ที่ปฏิเสธไม่ได้ จะช่วยผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จในสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้ นางฉันทนากล่าวเสริม

Volvo S80 2.5 FT Business เป็นซีดานหรูเน้นความเรียบง่าย ดูดีมีสไตล์ วางเครื่องยนต์ FlexiFuel E85 เทอร์โบชาร์จ 5 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 4,500 รอบต่อนาที และมอบความพึงพอใจในการขับขี่ที่เยี่ยมยอดด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เกียร์โทรนิก 6 สปีด สามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่น้ำมันเบนซินธรรมดาไปจนถึงเบนซินผสมเอทานอลในทุกอัตราส่วนจนถึง E85

Volvo S80 2.5 FT Business มาในโฉมที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ให้สื่อถึงความสำเร็จ  ความหรู ความมั่นใจมากขึ้น ด้วยคิ้วโครเมี่ยมด้านข้าง ที่ช่องลมด้านหน้า ไฟตัดหมอก โครเมี่ยมไฟท้าย โลโก้บนกระจังหน้าที่ใหญ่ขึ้น  เพิ่มความมั่นคงและทันสมัยด้วยล้ออลูมิเนียม 16 นิ้ว
ส่วนการตกแต่งภายใน เพิ่มความหรูสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกด้วยแผงประตูสีทูโทนครีมดำ เบาะหนังสีครีม พรมปูพื้นสีดำ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยหนังแท้ ไฟเรืองแสงที่เปิดประตูด้านใน ปุ่มสตาร์ทขลิบขอบโครเมี่ยม และแผงคอนโซลใหม่ขลิบโครเมี่ยม

นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว Volvo S80 2.5 FT Business ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยของวอลโว่ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วคงที่ สัญญาณเตือนขณะถอยจอด หรือระบบ Personal Car Communicator ในรูปแบบของรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กซึ่งมีฟังก์ชั่นสื่อสารกับรถพร้อมการปลด ล็อคและขับขี่โดยปราศจากกุญแจ นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถตรวจสอบได้ทุกที่ทุกเวลาว่า รถยนต์ล็อคแล้วหรือยัง สัญญาณเตือนภัยทำงานหรือไม่ หรือมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในตัวรถยนต์หรือเปล่า ได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการในระยะ 60 – 100 เมตรจากตัวรถ ตลอดจนโครงสร้างความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานในวอลโว่ทุกคัน

Monday, April 5, 2010

Masda 2 ยอดจองทะลักงานมอเตอร์โชว์ 2010

“มาสด้า 2 ” แรง ตัวถังแฮทซ์แบ็กและซีดาน ช่วยกันกวาดยอดจองเฉพาะมอเตอร์โชว์  6 วัน กว่า 1,400 คัน
สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทวางกลยุทธ์ตำแหน่งของสินค้าไว้อย่างชัดเจน ตรงกลุ่มเป้าหมาย และไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทำให้รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ทั้งแฮ็ชแบค 5 ประตู และสปอร์ตชีดาน 4 ประตู ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มาสด้าอันดับ 3 ของยอดจองรถในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรก ยอดจองจากทั่วประเทศเฉพาะมาสด้า2 ใหม่ สูงถึง 3,810 คัน ทั้งนี้บริษัทยืนยันสามารถส่งมอบรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นให้กับลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ
 สำหรับยอดจองรถยนต์มาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ ปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 คัน ซึ่งเป็นยอดจองที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 230% โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์มาสด้า2 จำนวน 2,250 คัน รถยนต์มาสด้า3 จำนวน 525 คัน รถปิคอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 200 คัน รถสปอร์ตโรดสเตอร์ New MX-5 และรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ CX-9 จำนวน 25 คัน

ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ 

งานมอเตอร์โชว์ ยอดจองทะลักล้น!!

บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ระคายพิษการเมือง ระบุ 9 วัน ยอดจองรถยนต์เพิ่ม 62% มั่นใจทะลุเป้า 2 หมื่นคัน โตโยต้า นำห่างคู่แข่ง

งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 24 มี.ค. ที่ไบเทค บางนา พบว่าเมื่อผ่านไป 9 วัน (ในรอบวีไอพีไปจนถึง 6 เม.ย.) คือ 24 มี.ค.-1 เม.ย.พบว่า ยอดจองรถยนต์ทุกยี่ห้อทำได้ทั้งสิ้น 1.24 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มียอด 7,687 คัน โดย 5 อันดับแรกนั้น ได้แก่ โตโยต้า มียอดสูงสุด 3,100 คัน คิดเป็นสัดส่วน 24% ตามมาด้วยนิสสัน 1,762 คัน สัดส่วน 14% มาสด้า 1,559 คัน สัดส่วน 12% ฮอนด้า 1,337 คัน สัดส่วน 10% และอีซูซุ 1,239 คัน สัดส่วน 9%

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้ ทั้งนิสสัน และมาสด้า สามารถแซงหน้าค่ายรถอย่างฮอนด้า ซึ่งปกติจะครองอันดับที่ 2 อย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากการที่สองค่ายดังกล่าวมีรถรุ่นใหม่ทำตลาด โดยนิสสันแนะนำ รุ่นมาร์ช ซึ่งเป็นอีโค คาร์ คันแรก และสามารถสร้างจองได้มากกว่า 800 คัน ขณะที่มาสด้ามี รุ่น 2 ซีดาน ซึ่งเมื่อรวมกับ 2 แฮทช์แบ็ค สามารถสร้างยอดจองได้กว่า 1,000 คัน ส่วนค่ายรถหรูหราก็มียอดขายที่ดีเช่นกัน เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ 530 คัน บีเอ็มดับเบิลยู 265 คัน เป็นต้น

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานกล่าวว่า นอกจากนั้นในส่วนของรถซูเปอร์ ลักชัวรี่ ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เช่น โรลส์รอยซ์ ราคา 52 ล้านบาท เข้ามาจอดในงาน ได้เพียงแค่วันเดียว ก็มีลูกค้าซื้อ และขอนำรถออกจากพื้นที่ไปทันที ทำให้ขณะนี้ไม่มีรถจัดแสดง ขณะที่ซูเปอร์คาร์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี ราคา 24.99 ล้านบาท ซึ่งประเทศไทยได้โควตานำเข้ามาทำตลาดแค่ 2 คัน ก็มีลูกค้าจองไปทั้งหมดแล้ว ส่วนเลกซัส แอลเอฟ-เอ ราคาประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งทางเลกซัส ประเทศไทย แจ้งเมื่อ 1 เม.ย. ว่ามีลูกค้าจองแล้ว 1 คัน ล่าสุด มีข่าวว่าจองครบโควตาประเทศไทย 2 คันแล้วเช่นกัน

"ยอดจองปีนี้ดีเกินคาด ค่ายรถหลายๆ ค่ายก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าจะทำได้ดี ในขณะที่คนเข้าชมงาน ก็เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเช่นกัน"

นายจาตุรนต์กล่าวว่า การที่ยอดจองเพิ่มขึ้น และจำนวนผู้ชมงานเพิ่มขึ้น คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากงานนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาแสดงหลายรุ่น อีกทั้งมีรถที่มีเทคโนโลยีโดดเด่น ทำให้หลายคนอยากจะเข้ามาชม และเชื่อว่าหลายคนเมื่อได้ชมแล้ว ต้องการที่จะหาของขวัญให้ตัวเอง หลังจากที่อยู่ในภาวะเครียดกับสถานการณ์การเมืองมาตลอดเวลากว่า 40 วัน ก่อนหน้านี้

ส่วนภาพรวมของการจองนั้น จะกระจายกันไป ไม่กระจุกอยู่ที่ตลาดใดตลาดหนึ่ง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่โตทั้งตลาด ไม่ว่าจะเป็นรถขนาดเล็กราคาถูก รถราคาระดับ 1 ล้านบาท หรือรถที่ราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป

นายจาตุรนต์กล่าวว่า สำหรับวันนี้และพรุ่งนี้ (3-4 เม.ย.) เชื่อว่าบรรยากาศของงานจะคึกคัก เนื่องจากเป็นวันหยุด ซึ่งโดยปกติจะมีผู้ชมจำนวนมาก และสร้างยอดจองได้ดี แม้ว่าจะมีข่าวการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมเสื้อแดงก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และในส่วนของปัญหาจราจร ก็เชื่อว่าผู้ที่ต้องการเข้าชมงาน จะมีแผนการเดินทางที่ดี และหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ติดขัดได้

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป การใช้ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป และสำหรับบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่อยู่นอกรั้วไบเทคสถานที่จัดงานได้ แต่ถ้าภายในรั้ว เราจะทำทุกอย่างที่ให้ผู้ชมงานของเราปลอดภัยมากที่สุด"

ทั้งนี้สำหรับยอดจองรถตลอดงานปี 2552 ทำได้ทั้งสิ้น 1.69 หมื่นคัน โดยโตโยต้ามียอดสูงสุด 4,461 คัน ฮอนด้า 2,638 คัน อีซูซุ 1,769 คัน มาสด้า 1,001 คัน มิตซูบิชิ 985 คัน และนิสสัน 950 คัน ส่วนการจัดงานในปีนี้มีการประเมินกันในช่วงเริ่มต้นเปิดงานว่าน่าจะมียอดจอง เพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นคัน และมีผู้เข้าชมงานรวม 1.6 ล้านคัน

นายจาตุรนต์กล่าวว่า และจากการประเมินสถานการณ์จากข้อมูลล่าสุด เชื่อว่าตลอดทั้งงานปีนี้จะสามารถทำได้ทะลุเป้าหมายอย่างแน่นอน


โดยกรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Cadilla SRX 2010 มาใหม่ จาก GM

Cadilla SRXX 2010 รถ CUV Crossoverc SR มาให้ชมกันก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Detroit Auto Show เดือนหน้า หลังจากการปล่อยภาพออกมาบางส่วน รถยนต์ในเครือ GM ก็พยายามไม่ให้มีข่าวในรายละเอียดของรุ่นนี้มากนัก(ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเทคโนโลยีของ Chevrolet Volt มาใช้ในฐานะรถพลังงานไฟฟ้าอีกหนึ่งทางเลือกจาก GM) แต่วันนี้กลับตัดสินใจปล่อยวิดีโอ SRX ตัวเป็นๆกำลังดริฟท์บนหิมะมาให้ชมกระตุ้นตลาดก่อนการเผยโฉมของจริงที่สัมผัส ได้ที่ Detroit

Saturday, April 3, 2010

ความสำเร็จของมาสด้าแรงถึงญี่ปุ่นแล้ว

ความสำเร็จของมาสด้า2แรงถึงญี่ปุ่น ชี้ความไว้วางใจของลูกค้าชาวไทยดันจนบริษัทแม่ยกมาสด้าประเทศไทยต้นแบบขึ้นรับรางวัลดีเด่นประจำปี
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 31 มีนาคม 2553 – จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการเปิดตัวรถยนต์สปอร์ต New Mazda2 และ New Mazda2 Sedan ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ให้กับมาส ด้า ได้รับการยอมรับและยกย่องจากมาสด้าทั่วโลกรวมทั้ง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น พร้อมส่ง มร. โชอิชิ ยูกิ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนธุรกิจ
เป็นตัวแทนมอบรางวัลอันทรงเกียรติ ผู้จำหน่ายและกระจายผลิตภัณฑ์มาสด้าดีเด่นประจำปี 2009 โดยมี สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นายเกริกฤทธิ์ คำสุระ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาระบบงานเพื่อความพึงพอใจลูกค้า และนายจิรยุทธ เสาวนะ ผู้อำนวยแผนกการจัดการธุรกิจ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีรับมอบ ณ สำนักงานใหญ่มาสด้า อาคารชุดเลครัชดา คอมเพล็กซ์

Friday, April 2, 2010

สรุปผลการตัดสินรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2010

หมวดรถยนต์นั่ง ( BEST PASSENGER CAR )

BEST SEDAN UNDER 1,200 CC
ได้แก่ KIA PICANTO

BEST SEDAN UNDER 1,500 CC
ได้แก่ HONDA CITY

BEST HATCHBACK UNDER 1,500 CC
ได้แก่ MAZDA 2

BEST SEDAN UNDER 1,600 CC
ได้แก่ CHEVROLET AVEO 1.6

BEST HATCHBACK UNDER 1,600 CC
ได้แก่ MAZDA 3 1.6

BEST SEDAN UNDER 1,800 CC
ได้แก่ AUDI A4 1.8T

BEST SEDAN UNDER 2,000 CC
ได้แก่ MITSUBISHI LANCER EX 2.0 GT

BEST SEDAN DIESEL
ได้แก่ BMW 320d SE

BEST MID-SIZE SEDAN UNDER 2,000 CC
ได้แก่ MERCEDES – BENZ E250 CGI

BEST MID-SIZE SEDAN UNDER 2,500 CC
ได้แก่ NISSAN TEANA 250 XV-V6

BEST MID-SIZE SEDAN DIESEL
ได้แก่ BMW 520d Sport

BEST LUXURY CAR
ได้แก่ BMW 740Li

BEST LUXURY CAR DIESEL
ได้แก่ MERCEDES – BENZ S350 CDI

BEST SPORT COUPE
ได้แก่ BMW 320d Coupe

BEST ROADSTER
ได้แก่ BMW Z4 SDrive 23i

BEST SPORT COMPACT
ได้แก่ MINI COOPER S

BEST SPORT HATCHBACK
ได้แก่ VOLKSWAGEN GOLF GTI

BEST SEDAN CNG
ได้แก่ TOYOTA COROLLA ADVANCED CNG

BEST STATION WAGON CNG
ได้แก่ CHEVROLET OPTRA ESTATE CNG

BEST MINI MPV
ได้แก่ HONDA FREED

BEST MPV
ได้แก่ MITSUBISHI SPACE WAGON

BEST SUV PETROL
ได้แก่ HONDA CR-V 2.4 NAVI

BEST SUV DIESEL
ได้แก่ VOLVO XC 60 D5

BEST LUXURY SUV
ได้แก่ BMW X5 xDrive 30d

BEST LUXURY VAN


หมวดรถ ปิกอัพ (Best Pickup)

BEST PICKUP 2WD UNDER 2500 CC
ได้แก่ TOYOTA HILUX VIGO SMART CAB 2.5E

BEST PICKUP 4WD UNDER 2500 CC
ได้แก่ NISSAN FRONTIER NAVARA 4x4

BEST PICKUP 4WD UNDER 3200 CC
ได้แก่ MITSUBISHI TRITON 3.2 GLS 4X4

BEST HIGH-LIFTED PICK UP 2500 CC
ได้แก่ ISUZU D-MAX Hi-Lander SUPER PLATINUM

BEST PPV DIESEL 2WD
ได้แก่ ISUZU MU-7 PRIMO SUPER PLATINUM

BEST PPV DIESEL 4WD
ได้แก่ MITSUBISHI PAJERO SPORT


SPECIAL AWARD

BEST SUV ADVANCED TECHNOLOGY
ได้แก่ LEXUS RX450h (HYBRID)

BEST ADVANCED TECHNOLOGY
ได้แก่ TOYOTA CAMRY 2.4 (HYBRID)

BEST FLEXIBLE ENERGY CAR
ได้แก่ MITSUBISHI LANCER EX 1.8

BEST FLEXIBLE ENERGY CAR
ได้แก่ VOLVO S80 2.5T

BEST SELLING CARS
ได้แก่ TOYOTA

BEST EXPORT CAR
ได้แก่ TOYOTA

THE MOST POPULAR PICKUP WITH THE HISTORIC 1- MILLION-UNIT SALES
ได้แก่ ISUZU D-MAX

BEST FUEL ECONOMY PICK UP 2500 CC
ได้แก่ ISUZU D-MAX

BEST FUEL ECONOMY PICK UP 3000 CC
ได้แก่ TOYOTA HILUX VIGO D-4D 3.0

MOST ENVIRONMENTAL FRIENDLY CAR
ได้แก่ NISSAN MARCH

BEST SELLING TYRE
ได้แก่ BRIDGESTONE

BEST IMPORT TYRE
ได้แก่ DUNLOP

BEST INSURANCE COMPANY
ได้แก่ THE VIRIYAH INSURANCE

BEST DRESS-UP PRODUCTS
ได้แก่ CARRYBOY

BEST CAR RENTAL & SERVICES
ได้แก่ MASTER CAR RENTAL

BEST CAR LEASING
ได้แก่ KASIKORN LEASING

รางวัล BIKE OF THE YEAR 2010

Top of Class Automatic Bike
ได้แก่ HONDA PCX
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

BEST SELLER FAMILY BIKE
ได้แก่ HONDA WAVE
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

BEST HIGH VOLUME EXPORTER
ได้แก่ THAI HONDA MANUFACTURING Co.,Ltd
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

TWENTY-ONE YEARS CONTINUOUSLY MOTORCYCLE BEST SELLER
ได้แก่ รถจักยานยนต์ฮอนด้า
เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

BEST PERFORMANCE FAMILY BIKE
ได้แก่ YAMAHA SPARK 135i
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

BEST PERFORMANCE AUTOMATIC BIKE
ได้แก่ YAMAHA NOUVO ELEGANCE
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

BEST SELLER AUTOMATIC BIKE
ได้แก่ YAMAHA FINO
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

BEST PERFORMANCE MINI BIKE
ได้แก่ KAWASAKI KSR
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด

BEST VALUE FAMILY BIKE
ได้แก่ SUZUKI SHOGUN
บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด

"บีเอ็มดับเบิล ยู"คว้า7รางวัลในงานCar of the Year 2010 ที่มอเตอร์โชว์-ไบเทค ครั้งที่ 31

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศรถดีเด่นถึง 7 รางวัลในงาน "Car of the
Year 2010" ที่จัดขึ้นโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้รับรางวัลในประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้วัล

1. BMW 320d SE รางวัลชนะเลิศ ประเภท Sedan Diesel
2. BMW 520d Sport รางวัลชนะเลิศ ประเภท Mid-Size Sedan Diesel
3. BMW 740Li รางวัลชนะเลิศ ประเภท Luxury Sedan
4. BMW 320d Coupe รางวัลชนะเลิศ ประเภท Sport Coupe
5. BMW Z4 sDrive23i รางวัลชนะเลิศ ประเภท Roadster
6. BMW X5 xDrive30d รางวัลชนะเลิศ ประเภท Luxury SUV
7. MINI Cooper S รางวัลชนะเลิศ ประเภท Sport Compact
ได้แก่ HYUNDAI H-1

"มิตซูบิชิ"คว้า รางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2553” ถึง 5 รางวัล

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดคว้ารางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2553” หรือ
“Car of The Year 2010” มาครองได้ถึง 5 รางวัล จากผลการตัดสินของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี
2553 ที่มิตซูบิชิ ได้รับประกอบด้วย ;

ประเภทรางวัล รุ่น
1. รถยนต์นั่งยอดเยี่ยม รุ่นเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,000 ซี.ซี. (BEST SEDAN UNDER 2,000 c.c.)
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 2,000 ซี.ซี.
2. รถยนต์พลังงานทางเลือกยอดเยี่ยม (BEST FLEXIBLE ENERGY CAR) มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
1,800 ซี.ซี.
3. รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ยอดเยี่ยม รุ่นเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,200 ซี.ซี. (BEST PICKUP 4WD
UNDER 3,200 c.c.) มิตซูบิชิ ไทรทัน 3.2 GLS 4WD
4.รถกระบะอเนกประสงค์ยอดเยี่ยม ประเภทเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อน 4 ล้อ (BEST PPV DIESEL
4WD) มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 3,200 ซี.ซี.
5.รถอเนกประสงค์ยอดเยี่ยม ( BEST MPV ) มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน

“MARCH-TEANA-NAVARA” คว้ารางวัล “CAR OF THE YEAR 2010

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้จัดจำหน่าย รถยนต์ นิสสัน ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ได้แก่

- นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา 4x4 ได้ รับรางวัล “Best Pick-up 4WD under 2,500 c.c.”
นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา 4x4 ได้รับรางวัล “Best Pick-up 4WD under 2,500 c.c.” ถึง
3 ปีซ้อน เนื่องจากเป็นรถกระบะที่ตอบสนองความต้องการทุกด้านของผู้บริโภค โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่
ทันสมัยเหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 174 แรงม้า ที่ให้แรงบิดสูงที่ 403 นิวตันเมตร ทำให้
สามารถบรรทุกของได้จำนวนมาก และมีเทคโนโลยีเหนือระดับ กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และ
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด


- นิสสัน เทียน่า 250 XV V6 ได้รับรางวัล “Best Mid-size Sedan under 2,500 c.c.”
นิสสัน เทียน่า 250 XV V6 เป็นรถยนต์ที่ถูกออกแบบขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าที่ต้องกา
รรถที่มีรูปลักษณ์หรูหราทัน สมัย ด้วยการตกแต่งห้องโดยสารภายในทีให้ความรู้สึกสบาย และเงียบตลอด
การขับขี่ง

- นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์ ได้รับรางวัล “Most Environmental Friendly Car”
นิสสัน มาร์ช คันแรกที่พัฒนาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการขับขี่ โดย
คำนึงถึงการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นรถที่ได้รับการออกแบบในรูปลักษณ์
ที่ทันสมัยและกว้างขวาง รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการใช้งาน และที่สำคัญ มาร์ชยังเป็นรถที่มี
มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ภายใต้ข้อกำหนดที่เข้มงวดตามมาตรฐานยุโรป (EURO 4)


“ฮอนด้า” กระหึ่ม! คว้า 4 รางวัลใหญ่ “Thailand Bike of The Year 2010”

รถจักรยานยนต์ฮอนด้ากระหึ่ม! กลางงาน “มอเตอร์โชว์ 2010” กวาดสุดยอดรางวัลแห่งความภาคภูมิใ
จของผู้ใช้ฮอนด้าสูงสุดตามคาด 4 รางวัลใหญ่ ในรางวัล Thailand Bike of The Year 2010
ตอกย้ำความเป็นจ้าวตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยตัวจริงเหนือใคร

รางวัล Thailand Bike of The Year 2010 ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
2010” บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัดที่จำหน่าย รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสามารถกวาดสุดยอดรางวัลได้ถึง
4 ประเภท

1. รางวัลแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ติดต่อกันสูงที่สุด 21 ปี
รางวัล ของผู้นำตัวจริง ที่สุดในวงการรถจักรยานยนต์เมืองไทย ด้วยยอดจำหน่ายสะสมที่มาจากความไว้
วางใจของผู้ขับขี่ทุกท่าน สะท้อนเป็นยอดตัวเลขการันตีวความเป็นที่หนึ่ง ปีต่อปีต่อเนื่องกันยาวนานขึ้นทศว
รรษที่ 3 หรือ 21 ปี
2. รางวัล Honda PCX: Top of Class Automatic Bike
รางวัลของผู้นำด้านเทคโนโลยี ด้วยการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด และเหนือระดับที่สุดในโลกแห่งเทคโนโลยีกา
รขับเคลื่อน 2 ล้อ จารึกเป็นความยิ่งใหญ่ให้ตลาดเมืองไทย และทั่วโลก
3. รางวัล Honda Wave: Best Seller Family Bike (2 ปีซ้อน)
รางวัลสุดยอดความนิยมตลอดกาล อมตะแห่งรถครอบครัว Honda Wave ที่ไปที่ไหนก็มีแต่ผู้ใช้ชื่นชมและก
ล่าวขานถึงความคุ้มค่า ประหยัด และมีไว้ครอบครองกันทุกครอบครัวทั่วประเทศ
4. Best High Volume Exporter (2 ปีซ้อน)





ขอบคุณข้อมูลจาก งานมอเตอร์โชว์ 2010

Thursday, April 1, 2010

โตโยต้า เปิดบูธเล็กซัส ในงานมอเตอร์โชว์ 2010

นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดบูธ เลกซัส ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ภายใต้แนวคิด "Integrated Perfection" ที่ผสานความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ศิลปะการออกแบบให้กลมกลืนกับความประณีตสูงสุดระดับงานฝีมือ หรือ Craftsmanship อย่างสมบูรณ์แบบพร้อมสัมผัสสุดยอดซุปเปอร์คาร์ระดับโลก Lexus LFA และรถต้นแบบ LF-Ch ที่ผสานความเป็นเลิศด้านสมรรถนะในการขับขี่ กับการลดมลภาวะเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัวในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน ศกนี้ ที่ ศูนย์แสดงสินค้า และนิทรรศการนานาชาต ไบเทค บางนา
"เลกซัสกรุ๊ป" เข้าร่วมแสดงยานยนต์ระดับหรูในนาม เลกซัส ภายใต้แนวคิด "Integrated Perfection" ที่ต้องการถ่ายทอดถึงการผสานความล้ำหน้าแห่งเทคโนโลยีไฮบริดที่ให้สมรรถนะ การขับขี่ที่ดีเยี่ยมควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม กับปรัชญาแห่งการออกแบบ L-finesse (แอล ฟิ เนส) ซึ่งเป็นปรัชญาเฉพาะของเลกซัส ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด คำนึงถึง ความหรู เรียบง่าย มีระดับเหนือกาลเวลา และความประณีตของช่างฝีมือชั้นครู (TAKUMI) ที่ใช้ประสาทสัมผัสในการควบคุมคุณภาพของการผลิตแต่ละส่วนอย่างพิถีพิถัน เช่นสัมผัสแห่งการมองเห็น การรับฟัง การสัมผัส ทั้งหมดนี้คือสุดยอดแห่งศาสตร์และศิลป์อันเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ ยนตรกรรมที่โดดเด่นเหนือระดับ "เลกซัส"
เพียง 500 คันทั่วโลก

เลกซัส LFA สุดยอดรถซุปเปอร์คาร์ ที่มีการตอบสนองที่ดีเยี่ยม กับประสิทธิภาพการเกาะถนนที่แสดงถึงขีดสุดของสมรรถนะ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนไปกับทุกอารมณ์ความรู้สึก ปลุกเร้าสัมผัสแห่งการขับขี่ที่เหนือกว่า สุดยอดขุมกำลังขนาด 4.8 ลิตร วี10 และรูปลักษณ์หรูหรา ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ สามารถตอบสนองได้อย่างลื่นไหลในทุกย่านความเร็ว

รูปลักษณ์สะท้อนสมรรถนะทรงพลัง
แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา

วิวัฒนาการใหม่ของเครื่องยนต์สมรรถนะสูง 4.8 ลิตร วี10 ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบา (อะลูมิเนียมอัลลอย แมกนีเซียมอัลลอย และไทเทเนียมอัลลอย" จึงทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัด (เล็กกว่าเครื่องยนต์ วี8 ทั่วๆ ไป) ซึ่งมีส่วนช่วยต่อการกระจายน้ำหนักให้เหมาะสม และให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีเยี่ยม

Carbon Fiber Reinforced Plastic (CFRP) เพิ่มความแข็งแกร่งให้โครงสร้างตัวถัง และยังมีน้ำหนักเบา โดยโครงสร้างตัวถังชนิดนี้จะมีน้ำหนักเบากว่าตัวถังแบบอลูมิเนียมถึง 100 กิโลกรัม และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ CFPR เข้ากับโลหะ นับเป็นความก้าวล้ำที่พัฒนาขึ้นโดยเลกซัส

ความสมดุล

ด้วยการจัดวางตำแหน่งของชิ้นส่วนหลัก เช่น การวางตำแหน่งเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังให้อยู่ระหว่างฐานล้อหน้า-หลัง การใช้ระบบหล่อลื่นแบบ Dry Sump Lubrication(1) การติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปั๊มน้ำมันเครื่อง ปั๊มน้ำหล่อเย็น ไว้ด้านหลังของเครื่องยนต์ ทั้งหมดเพื่อให้เกิดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่ต่ำ และยิ่งไปกว่านั้น การจัดวางชุดส่งกำลังและถังน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ที่ด้านหน้าของเพลาหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการกระจายน้ำหนักลงสู่ศูนย์กลางของตัวรถ จะทำให้การถ่ายเทน้ำหนักลดลงในขณะเข้าโค้ง ส่งผลให้รถมีประสิทธิภาพการทรงตัวที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบา อาทิเช่น หม้อน้ำ และพัดลมไฟฟ้าระบายร้อน ได้ถูกนำไปติดตั้งหลังเพลาขับหลัง สำหรับการจัดวางเครื่องยนต์ด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง ประกอบกับตัวถังที่สั้น กว้าง และต่ำ จะทำให้ LFA สามารถกระจายน้ำหนักสู่ล้อหน้าและหลัง ได้อย่างสมดุล ด้วยอัตราส่วน 48 : 52

การจัดวางตำแหน่งคนขับ

การจัดวางตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับที่ใกล้กับจุดศูนย์ถ่วง โดยมีตำแหน่งใกล้กับจุดกึ่งกลางของตัวรถมากที่สุด จากการจัดวางเพลาขับหลัง ชุดส่งแรงบิด และท่อไอเสีย อย่างเหมาะสมซึ่งช่วยลดขนาดความกว้างของอุโมงค์กลางลงได้ โดยจะทำให้ตำแหน่งผู้ขับสามารถสัมผัสความรู้สึกจากการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ แบบสปอร์ต หรือ การขับขี่ที่มีแรงดึงและแรงเหวี่ยงสูงๆ จากการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง

สมรรถนะเร้าใจกับประสบการณ์การขับขี่เหนือบรรยาย
เครื่องยนต์รอบจัด

วาล์วไทเทเนี่ยม กระเดื่องกดวาล์วน้ำหนักเบาชุบแข็งพิเศษ และห้องข้อเหวี่ยงที่ไม่สูงมาก ทั้งหมดนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานที่รอบเครื่องยนต์สูงๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสถึงอัตราเร่งที่สูงถึง 9000 รอบต่อนาที สำหรับเครื่องยนต์ วี10 ของ LFA นั้นสามารถสร้างแรงบิดได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิดสูงสุดตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ที่ 3,700 ถึง 9,000 รอบต่อนาที

การตอบสนองอย่างแม่นยำ

ระบบควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้าที่มีความละเอียดสูงทั้ง 10 ชุดสามารถจ่ายอากาศไปยังกระบอกสูบทุกกระบอกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และเวลาการตอบสนองของเครื่องยนต์นั้น เร็วขึ้นกว่าครึ่งหากเปรียบเทียบกับระบบเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบควบคุมลิ้นปีก ผีเสื้อเพียง 1 ชุด

ระบบส่งกำลัง 6 สปีดแบบ Automated Sequential Gearbox (ASG) ชุดเฟืองวงแหวนซินโครไนซ์ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อความทนทาน มาพร้อมกับชุดเปลี่ยนเกียร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ที่ทำให้ผู้ขับขี่ สามารถสัมผัสได้ถึงจังหวะของการเปลี่ยนเกียร์ นอกจากนี้ระบบเกียร์ชุดนี้งยังสามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ถึง 4 รูปแบบ และยังมีระบบการปรับการตอบสนองความไวของการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 ระดับ ตั้งแต่ 0.2 จนถึง 1.0 วินาที

จานเบรคคุณภาพสูง CCM (Carbon Ceramic Material) ขนาดเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งขัน พร้อมระบบควบคุมเบรคแบบไฟฟ้า ทำให้ระบบเบรคมีแรงดันที่เหมาะสมในทุกสภาวะ เพื่อการตอบสนองที่ดีเยี่ยมและมั่นใจทุกครั้งที่หยุดรถ

การควบคุม

ห้องโดยสารแบบ CFRP ที่เบาและแข็งแรง ประกอบกับระบบรองรับด้านหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น และแบบมัลติลิ้งค์ในด้านหลัง ให้การควบคุมและการทรงตัวที่ดี การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ของส่วนประกอบต่างๆ อาทิ พื้นใต้ท้องที่ราบเรียบ แผ่นรีดลมและสปอยเลอร์ด้านหลัง ที่ทำให้ LFA เป็นรถที่มีความมั่นคงทุกย่านความเร็ว เพื่อผสานความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้ขับขี่กับเครื่องยนต์

ระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ (VDIM) ที่รวมการทำงานของระบบควบคุมต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อรักษาการทรงตัวให้มีเสถียรภาพที่สุด โดยการทำงานจะไม่รบกวนการขับขี่ของผู้ขับ แม้ขณะขับขี่ในแบบสปอร์ต

เสียงเครื่องยนต์เร้าใจผสานเส้นสายการออกแบบ L-finesse(2)

ท่อไอเสียแบบคู่ หม้อพักไอเสียไทเทเนี่ยม ชุดปรับแต่งเสียงที่ต่อเชื่อมกับลิ้นปีกผีเสื้อทั้ง 10 ชุด และการเหลื่อมกันของเสียงจากการดูดอากาศและคายไอเสียในทุกๆ รอบความเร็วที่เป็นเอกลักษณ์ จะช่วยเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ยิ่งขึ้น

การออกแบบภายนอกที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์และการจัดการการไหลของอากาศ และการใช้ CFRP ซึ่งนอกเหนือจากความแข็งแกร่งและข้อได้เปรียบทางด้านน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้การออกแบบภายนอกเป็นไปได้อย่างอิสระสะท้อนรูปลักษณ์ของรถซุป เปอร์คาร์อย่างแท้จริง สำหรับการออกแบบภายในที่โดดเด่น ทั้งแผงคอนโซลกลางที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เทคโนโลยีล้ำสมัยและลงตัวที่สุดด้วยวัสดุและสีภายในที่เจ้าของสามารถเลือก เองได้ (Custom-tailored) เพื่อตอบสนองความต้องการได้สูงสุด

(1) อ่างน้ำมันเครื่องจะถูกแยกออกจากระบบ เพื่อให้เครื่องยนต์มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อรับแรงเหวี่ยงด้านข้าง หรือ G-Force ได้สูง และลดแรงเสียดทาน ให้ความรู้สึกดุจเดียวกับรถแข่ง

(2) การผสมผสานของการออกอันก้าวล้ำและ 'Finesse' Design
เลกซัส LF-Ch

รถยนต์ต้นแบบสุดพิเศษ ที่ได้รวมเอาความเป็นเลิศด้านสมรรถนะในการขับขี่ควบคู่ไปกับการลดมลภาวะเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม

- ขนาดกะทัดรัดแฮทแบ็ค 5 ประตู
- สุดยอดสมรรถนะในการขับขี่และรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบ Lexus Hybrid Drive
- มิติตัวรถ ความยาว 4,300 มม. ความกว้าง 1,790 มม. ความสูง 1,400 มม.
- ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง 2,600 มม.
- ขนาดล้อหน้า 225/35R20 ล้อหลัง 225/35R20

เลกซัส นิยามว่าเป็นความอลังการ และสุดยอดสมรรถนะของนวัตกรรมยานยนต์ระดับหรูแห่งศตวรรษที่ 21 และมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะแนะนำสุดยอดยนตรกรรมซึ่งดึงดูดทุกสัมผัส ไปพร้อมกับการช่วยอนุรักษ์โลกของเราให้ยั่งยืน

Pretty Motor Show 2010 Bitec -4



Pretty Motor Show 2010 Bitec -3